กรมสบส.เตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อ ใบหน้าหนุ่มของสุรชัยหลังผ่าตัดเสริมความหล่อ!
กรมสบส.เตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อ ใบหน้าหนุ่มของสุรชัยหลังผ่าตัดเสริมความหล่อ!ชี้เป็นเทคนิคเสริมความงามทั่วไป “ไม่ใช่เฟซออฟ” อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ แนะประชาชนอย่าหลงเชื่อหน้าหนุ่มของสุรชัยหลังผ่าตัดศัลยกรรมตกแต่ง ชี้ไม่ใช่เป็นผลจากการทำเฟซออฟที่ดร.เซปิงโฆษณา แต่เป็นผลมาจากการใช้เทคนิคของการผ่าตัดเสริมความงามทั่วไป เช่นเฟซลิฟต์ เฟซล็อค แก้ความหย่อนคล้อยเฉพาะจุด หลังทำทุกคนจะมีการเปลี่ยนแปลง ดูดี หน้าตึงขึ้น โดยกรมสบส.เตรียมวางระบบป้องปราม รวมศูนย์เบ็ดเสร็จแก้ปัญหาให้รวดเร็ว ทันใจขึ้น นาวาอากาศตรีนายแพทย์บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ( กรมสบส.) กระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการที่ดร.เซปิง ไชยสาส์น เตรียมวางแผนจะอวดโฉมหน้าของนักร้องชื่อดัง สุรชัย สมบัติเจริญ หลังทำผ่าตัดเสริมความงามในโครงการเฟซออฟ ในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2559 ว่า หากมีการกระทำในวันดังกล่าวจริง โฉมหน้าของสุรชัย สมบัติเจริญ ที่ประชาชนเห็นนั้น เป็นผลจากเทคนิคของการทำศัลยกรรมตกแต่งทั่วไป ซึ่งมี 2 รูปแบบที่ทำให้ใบหน้ากระชับ เต่งตึง ความหย่อนคล้อย รอยเหี่ยวย่นลดลง ไม่ใช่เป็นเทคนิคของการทำเฟซออฟที่ดร.เซปิง โฆษณาสร้างความเข้าใจผิดแก่ประชาชนว่าเป็นเทคนิคใหม่ แต่อย่างใด ประเภทแรกคือเฟซลิฟต์ ( Face Lift) เป็นการดึงหน้า ทำตา ปลูกผมเพื่อให้ดูดีขึ้น ทำในผู้ที่มีปัญหาใบหน้าเหี่ยวย่น หย่อนยานหลายๆจุด ประเภทที่ 2 คือเฟซล็อค ( Face Lock) เป็นการล็อคใบหน้าเฉพาะจุดที่มีปัญหา เช่นรอบดวงตา มุมปาก หรือคิ้วเป็นต้น ส่วนใหญ่ทำในกลุ่มที่อายุยังไม่มาก กรรมวิธีทำทั้ง2 รูปแบบเหมือนกัน ไม่ใช่นวัตกรรมใหม่แต่อย่างใด หลังทำจะช่วยให้มีความเต่งตึงชั่วคราวเท่านั้น และต้องทำใหม่เมื่อมีริ้วรอยปรากฏโดยที่เค้าโครงใบหน้ายังเหมือนเดิม สำหรับการทำเฟซออฟ ( Face Off) นั้น เป็นการทำผ่าตัดเปลี่ยนใบหน้า ไม่ให้เหมือนใบหน้าเดิม และใช้การผ่าตัดหลายขั้นตอน หลายจุด เช่นการตัดคางเหลี่ยม โหนกแก้ม ปลายคาง เป็นต้น มักใช้ในกรณีบุคคลที่มีปัญหารุนแรงติดตัว หนีคดี เป็นหน้าใหม่ในร่างกายเดิม ไม่ให้คนรู้จักหรือสังคมจดจำได้ ซึ่งในประเทศไทยยังไม่มีแพทย์ศัลยกรรมความงามคนใดกล้ารับทำเฟซออฟ เพราะอาจเข้าข่ายกระทำผิดด้านจริยธรรม จรรยาบรรณวิชาชีพ แม้กระทั่งการทำผ่าตัดใบหน้าที่ประเทศเกาหลีใต้ก็ตาม เป็นเพียงการผ่าตัดทำให้ใบหน้าสวยขึ้นแต่ยังคงเค้าโครงใบหน้าเดิมไว้ ยังไม่มีการทำการผ่าตัดด้วยวิธีเฟซออฟเช่นกัน จึงขอให้ประชาชน อย่าหลงเชื่อการโฆษณาผ่าตัดเสริมความงามด้วยวิธีเฟซออฟ ดังนั้นการใช้คำ “เฟซออฟ” โฆษณา จึงเป็นเพียงการใช้คำศัพท์เพื่อหวังผลในการสร้างมูลค่าเพิ่มทางธุรกิจซึ่งไม่ควรกระทำอย่างยิ่ง ถือเป็นการหลอกลวงและกระตุ้นความอยากของประชาชนที่มีความต้องการอยากสวยอยากหล่อเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว สำหรับการป้องกันการโฆษณาอวดอ้างสรรพคุณการให้บริการทางการแพทย์ทั้งการรักษาหรือการเสริมความงามทางสื่อทุกประเภท โดยเฉพาะในโซเซียล มีเดีย จัดว่ามีความเสี่ยงสูงกว่าสื่อประเภทอื่น เนื่องจากจะทำให้ประชาชนหลงเชื่อได้ง่าย เพราะมีภาพจริงปรากฏให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลง จากการเปรียบเทียบที่ชัดเจน เข้าถึงง่ายตลอดเวลาบนมือถือ กรมสบส. ได้วางแผนความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อดำเนินการป้องปรามแบบรวมศูนย์จัดการเบ็ดเสร็จที่จุดเดียว โดยใช้กฎหมายและกระบวนการดำเนินงานของแต่ละหน่วยงาน เป็นเครื่องมือในการคลี่คลายปัญหาเพื่อดูแลคุ้มครองความปลอดภัยประชาชนได้เร็วขึ้นกว่าที่ผ่านมา