สบส.ให้รพ.เอกชน คลินิกทั่วประเทศกว่า 2 หมื่นแห่ง เตรียมพร้อม บริการฉุกเฉิน ปีใหม่
กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ขอความร่วมมือโรงพยาบาลเอกชน และคลินิกทั่วประเทศ จำนวน 22,922 แห่ง เตรียมความพร้อมให้บริการฉุกเฉินทั้งจากอุบัติเหตุ หรือโรคกำเริบ ตลอด 7วันเทศกาลปีใหม่ จัดแพทย์ พยาบาลประจำแผนกฉุกเฉินตลอดเวลาทำการ การป่วยฉุกเฉินถือเป็นสิทธิของผู้ป่วยที่จะได้รับการช่วยเหลือรีบด่วนจากผู้ประกอบวิชาชีพโดยทันที นาวาอากาศตรีนายแพทย์บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดึกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ระหว่างเทศกาลฉลองปีใหม่ 2559 นี้ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพได้แจ้งขอความร่วมมือโรงพยาบาลเอกชน 344 แห่งและคลินิกต่างๆรวม 22,578 แห่งทั่วประเทศ ที่ขึ้นทะเบียนประการกิจการสถานพยาบาลถูกต้องตามกฎหมาย ให้จัดเตรียมความพร้อมบริการการแพทย์ฉุกเฉินแก่ประชาชนที่ป่วยกะทันหัน เป็นอันตรายต่อชีวิต เช่นอุบัติเหตุจราจรหรือโรคประจำตัวกำเริบตลอด 7 วันเทศกาลปีใหม่ ตั้งแต่วันที่ 29 ธันวาคม 2558 จนถึง 4 มกราคม 2559 ห้ามปฏิเสธผู้ป่วย ทั้งนี้เป็นไปตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขว่าด้วยมาตรฐานการบริการด้านการแพทย์ฉุกเฉินของสถานพยาบาล ที่ประการใช้ตั้งแต่ พ.ศ. 2557 เป็นต้นมา เพื่อให้ผู้ป่วยฉุกเฉินได้รับการบำบัดรักษาอย่างทันท่วงที ป้องกันการเสียชีวิตหรืออาการรุนแรงขึ้น ก่อนส่งต่อและการป่วยฉุกเฉินถือเป็นสิทธิของผู้ป่วยที่จะได้รับการช่วยเหลือรีบด่วนจากผู้ประกอบวิชาชีพโดยทันที ตามคำประกาศสิทธิผู้ป่วย นาวาอากาศตรีนายแพทย์บุญเรืองกล่าวต่อว่า ตามประกาศกระทรวงฯดังกล่าว โรงพยาบาลเอกชน ต้องจัดแพทย์หรือพยาบาลประจำแผนกผู้ป่วยฉุกเฉินตลอดเวลาทำการอย่างน้อย 1 คน จัดเตรียมสถานที่ เครื่องมือแพทย์ในการช่วยชีวิต ช่วยหายใจ ยาและเวชภัณฑ์ อุปกรณ์ในการปฐมพยาบาล เช่นเครื่องดามกระดูกเบื้องต้น ชุดห้ามเลือด ชุดรักษาฉุกเฉิน เช่นเครื่องเจาะปอด รถรับส่งผู้ป่วยฉุกเฉินพร้อมอุปกรณ์ยา เวชภัณฑ์เครื่องมือแพทย์ช่วยชีวิต ส่วนคลินิกให้จัดอุปกรณ์ช่วยชีวิตผู้ป่วยฉุกเฉินอย่างน้อย 2 ประการ ได้แก่ ถุงบีบลมหรือหน้ากากครอบช่วยการหายใจ และจัดยา เวชภัณฑ์และเครื่องมือแพทย์ที่สามารถให้การรักษาพยาบาลและช่วยชีวิตผู้ป่วยฉุกเฉินเป็นไปตามลักษณะของสถานพยาบาล ทางด้านทันตแพทย์อาคม ประดิษฐสุวรรณ ผู้อำนวยการสำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะกล่าวว่า ขณะนี้สำนักสถานพยาบาลฯได้ประกาศให้สถานพยาบาลเอกชนทั้งประเภทโรงพยาบาลและคลินิกทุกแห่ง จะต้องติดประกาศสิทธิของผู้ป่วย พร้อมด้วยการให้บริการและอัตราค่ารักษาของสถานพยาบาลในจุดที่ประชาชนเห็นได้ง่าย โดยคำประกาศสิทธิผู้ป่วยนี้ เป็นการประกาศรับรองร่วมระหว่างแพทยสภา สภาการพยาบาล สภาเภสัชกรรม ทันตแพทยสภา และคณะกรรมการควบคุมการประกอบโรคศิลปะ มี 10 ประการดังนี้ 1. ผู้ป่วยทุกคนมีสิทธิพื้นฐานที่จะได้รับบริการด้านสุขภาพ ตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ 2. มีสิทธิที่จะได้รับบริการจากผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพ โดยไม่มีการเลือกปฏิบัติเนื่องจากความแตกต่างด้านฐานะ เชื้อชาติ สัญชาติ ศาสนา สังคม ลัทธิการเมือง เพศ อายุ และลักษณะของความเจ็บป่วย 3. มีสิทธิที่จะได้รับทราบข้อมูลอย่างเพียงพอ และเข้าใจชัดเจนจากผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพ เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถเลือกตัดสินใจในการยินยอมหรือไม่ยินยอมให้ผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพปฏิบัติต่อตน เว้นแต่เป็นการช่วยเหลือรีบด่วน หรือจำเป็น 4. ผู้ป่วยที่อยู่ในภาวะเสี่ยงอันตรายถึงชีวิต มีสิทธิที่จะได้รับการช่วยเหลือรีบด่วนจากผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพโดยทันทีตามความจำเป็นแก่กรณี โดยไม่คำนึงถึงว่าผู้ป่วยจะร้องขอความช่วยเหลือหรือไม่5. มีสิทธิที่จะได้รับทราบชื่อ สกุล และประเภทของผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพที่เป็นผู้ให้บริการแก่ตน 6. มีสิทธิที่จะขอความเห็นจากผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพอื่น ที่มิได้เป็นผู้ให้บริการแก่ตน และมีสิทธิในการขอเปลี่ยนผู้ให้บริการและสถานบริการได้ 7. มีสิทธิที่จะได้รับการปกปิดข้อมูลเกี่ยวกับตนเองจากผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพโดยเคร่งครัด เว้นแต่จะได้รับความยินยอมจากผู้ป่วยหรือการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย 8.มีสิทธิที่จะได้รับทราบข้อมูลอย่างครบถ้วนในการตัดสินใจเข้าร่วมหรือถอนตัวจากการเป็นผู้ถูกทดลองในการทำวิจัยของผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพ 9.มีสิทธิที่จะได้รับทราบข้อมูล เกี่ยวกับการรักษาพยาบาลเฉพาะของตนที่ปรากฏในเวชระเบียนเมื่อร้องขอ ทั้งนี้ข้อมูลดังกล่าวต้องไม่เป็นการละเมิดสิทธิส่วนตัวของบุคคลอื่นและ 10.บิดา มารดา หรือผู้แทนโดยชอบธรรมอาจใช้สิทธิแทนผู้ป่วยที่เป็นเด็กอายุยังไม่เกินสิบแปดปีบริบูรณ์ ผู้บกพร่องทางกายหรือจิต ซึ่งไม่สามารถใช้สิทธิด้วยตนเองได้