กรม สบส.เผย 5 เดือนที่ผ่านมาสถานพยาบาลเอกชนต่างขานรับนโยบาย “ยูเซป” มั่นใจได้เจ็บป่วยฉุกเฉินรักษาได้ทุกที่
กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เผยผลการดำเนินการตามนโยบาย “เจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤต มีสิทธิทุกที่” หรือยูเซป (UCEP) ช่วง 5 เดือน สถานพยาบาลเอกชนต่างให้การขานรับนโยบายเป็นอย่างดี มีการขออนุมัติอาการฉุกเฉินผ่านระบบบันทึกและประเมินผู้ป่วยของสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ กว่า 5,000 ครั้ง มั่นใจได้หากเกิดอาการเจ็บป่วยฉุกเฉินสามารถเข้ารับการรักษาสถานพยาบาลที่อยู่ใกล้ที่สุดได้ทันที นายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า จากข้อมูลผลการดำเนินการตามนโยบาย “เจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤต มีสิทธิทุกที่” หรือยูเซป (Universal Coverage for Emergency Patients ; UCEP) ของสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน – 31 สิงหาคม 2560 มีสถานพยาบาลเอกชน 229 แห่ง ได้ขอนุมัติอาการฉุกเฉินผ่านระบบบันทึกและประเมินผู้ป่วยของสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ 5,743 ครั้ง และได้มีการเบิกจ่ายตามเกณฑ์ผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤติ (สีแดง) 2,965 ครั้ง เฉลี่ยมีการขออนุมัติผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤติ เดือนละ 1,100-1,200 ครั้ง แสดงให้เห็นถึงความร่วมมือในการขานรับนโยบายยูเซปของสถานพยาบาลเป็นอย่างดี จึงขอให้ประชาชนมั่นใจได้ว่าหากเกิดอาการเจ็บป่วยฉับพลันจะได้รับบริการรักษาพยาบาลที่มีคุณภาพ มาตรฐานจากสถานพยาบาลททุกแห่งทั้งภาครัฐ และเอกชน โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้นภายใน 72 ชั่วโมง นายแพทย์ธงชัย กล่าวต่อว่า สำหรับอาการเจ็บป่วยที่สามารถใช้สิทธิยูเซป ตามเกณฑ์การคัดแยกผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤติ (สีแดง) ของ สพฉ.แบ่งเป็น 6 อาการ ได้แก่ 1.หมดสติ ไม่รู้สึกตัว ไม่หายใจ 2.หายใจเร็ว หอบเหนื่อยรุนแรง หายใจติดขัดมีเสียงดัง 3.มีอาการซึม เหงื่อแตก ตัวเย็น หรือมีอาการชักร่วม 4.เจ็บหน้าอกเฉียบพลัน รุนแรง 5.แขนขาอ่อนแรงครึ่งซีก พูดไม่ชัด หรือชักต่อเนื่อง และ 6.มีอาการที่มีผลต่อการหายใจ ระบบการไหลเวียนโลหิต หรือระบบสมอง ดังนั้น หากผู้ใดมีอาการป่วยหรือพบผู้ที่มีอาการป่วยอย่างใดอย่างหนึ่งใน 6 อาการข้างต้น อย่ารอช้าให้รีบติดต่อสายด่วน 1669 ของ สพฉ.เพื่อส่งตัวไปไปรับการรักษาในสถานพยาบาลที่อยู่ใกล้ที่สุด โดยที่ผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต (สีแดง) ทุกคนมีสิทธิรับการรักษาพยาบาลจากสถานพยาบาลภาครัฐ และเอกชนทุกแห่งโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้นในระยะเวลา 72 ชั่วโมงแรก แต่หากพ้นระยะเวลา 72 ชั่วโมง หรือผู้ป่วยพ้นจากขีดอันตรายแล้ว สถานพยาบาลสามารถส่งตัวผู้ป่วยไปรักษายังโรงพยาบาลตามสิทธิของผู้ป่วยเพื่อเข้าสู่ระบบปกติของการรักษาพยาบาลจากกองทุนสุขภาพต่างๆ แต่หากผู้ป่วยประสงค์ที่จะรักษาตัวต่อที่สถานพยาบาลแห่งเดิม จะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนนี้เอง ทั้งนี้ การประเมินผู้ป่วยว่าอยู่ในเกณฑ์ฉุกเฉินวิกฤติ (สีแดง) หรือไม่ สถานพยาบาลจะมีการขออนุมัติอาการฉุกเฉินผ่านระบบบันทึกและประเมินผู้ป่วย (UCEP) ของ สพฉ.จึงมั่นใจได้ว่าการประเมินเกณฑ์ผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤติ (สีแดง) จะเป็นไปด้วยความถูกต้องแม่นยำ แต่หากผู้ป่วย หรือญาติมีข้อสงสัยในการวินิจฉัยคัดแยกผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤติก็สามารถปรึกษาขอคำวินิจฉัยจากศูนย์ประสานงานคุ้มครองสิทธิผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต ของ สพฉ. ผ่านทางสายด่วน 02 872 1669 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง หากสถานพยาบาลเอกชนแห่งใดปฏิเสธการรักษาพยาบาลผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤติ (สีแดง) หรือเรียกเก็บค่าใช้จ่ายใน 72 ชั่วโมงแรก หากอยู่ในเขต กทม.สามารถร้องเรียนที่กรม สบส. ทางหมายเลขโทรศัพท์ 02 193 7000 ต่อ 18830 (กลุ่มคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิ) และในส่วนภูมิภาคร้องเรียนได้ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป