สธ. ดัน พระราชบัญญัติสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ พ.ศ. .... ผ่านวาระที่ 1 คาดมีผลบังคับใช้ปี 59 รับ AEC
เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2558 ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ได้พิจารณาเรื่อง “ร่างพระราชบัญญัติสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ พ.ศ. ....” โดยมีนายแพทย์ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในนามของคณะรัฐมนตรี แถลงหลักการและเหตุผลประกอบ “ร่างพระราชบัญญัติสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ พ.ศ. ....” ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยมีนาวาอากาศตรี นายแพทย์บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ พร้อมด้วยนายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และนายแพทย์ภัทรพล จึงสมเจตไพศาล ผู้ช่วยอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เข้าร่วมชี้แจง นาวาอากาศตรี นายแพทย์บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เปิดเผยหลังเข้าร่วมประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ถึงการเสนอหลักการ ความจำเป็นเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในมาตรฐานสปาไทย ซึ่งปัจจุบันมี สถานประกอบการเพื่อสุขภาพจำนวนมากที่ไม่ได้รับการรับรอง และไม่มีมาตรฐานตามประกาศที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด ทำให้ผู้รับบริการมีความเสี่ยงด้านสุขภาพ อีกทั้งสถานประกอบการบางแห่งมีการค้าบริการทางเพศแอบแฝง หรือโฆษณาโอ้อวดเกินจริง หรือให้บริการที่มีอันตรายต่อสุขภาพ ก่อให้เกิดผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศ และธุรกิจบริการเพื่อสุขภาพ รวมถึงสถานบริการเพื่อสุขภาพที่ถูกต้องตามมาตรฐาน ดังนั้น กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ในฐานะที่เป็น องค์กรหลักคุ้มครองผู้บริโภคด้านระบบบริการสุขภาพ และระบบสุขภาพภาคประชาน จึงดำเนินการยกร่าง “พระราชบัญญัติสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ พ.ศ. ....” ขึ้น โดยในวันนี้ ศาสตราจารย์คลินิกเกียรติคุณ นายแพทย์ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยผู้บริหาร และนิติกรจากกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ได้แถลงหลักการและเหตุผลประกอบ “ร่างพระราชบัญญัติสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ พ.ศ. ....” ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ส่วนใหญ่เห็นด้วยกับหลักการของ “ร่างพระราชบัญญัติสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ พ.ศ. .....” โดยที่ประชุมมีมติเห็นชอบหลักการในวาระที่ 1 เห็นด้วย 184 เสียง ไม่เห็นด้วย 1 เสียง งดออกเสียง 3 และไม่ลงคะแนนเสียง 1 และที่ประชุมเห็นชอบให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญขึ้นมาพิจารณา จำนวน 17 คน และกำหนดให้มีการแปรญัตติ 7 วัน โดยให้คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ พิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน เพื่อส่งเข้าพิจารณาในวาระที่ 2 และวาระที่ 3 ต่อไป นอกจากนี้ นายแพทย์ภัทรพล จึงสมเจตไพศาล ผู้ช่วยอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวเพิ่มเติมว่า เนื่องจากกฎหมายที่ใช้ในการรับรองมาตรฐานสำหรับสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ มีเพียงประกาศกระทรวงสาธารณสุขที่ให้การรับรองมาตรฐานสำหรับสถานประกอบการที่สมัครใจมาขอให้รับรองมาตรฐานเท่านั้น หากไม่ผ่านการขออนุญาตจากกรมสนับสนุนบริการสุขภาพก็ไม่ผิดกฎหมาย จึงทำให้กระทรวงสาธารณสุขไม่อาจควบคุมกำกับให้สถานประกอบการเพื่อสุขภาพมีมาตรฐานตามกฎหมายได้ แต่หาก “พระราชบัญญัติสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ พ.ศ. ....” ผ่านการเห็นชอบจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ จะช่วยให้การกำกับดูแล กำหนดมาตรฐานเกี่ยวกับการประกอบกิจการและการให้บริการในสถานประกอบการเพื่อสุขภาพเป็นไปอย่างมีมาตรฐาน และเป็นการสร้างความปลอดภัยแก่ผู้รับบริการ อันเป็นการคุ้มครองพิทักษ์สิทธิของประชาชน ให้สามารถเชื่อมั่นจากบริการ รวมทั้งเพิ่มโอกาสในการแข่งขันด้านบริการเพื่อสุขภาพในระดับนานาชาติได้